สั่ง “นิติบุคคล” เริ่มที่รร.ไม่พร้อม

“หมอธี” เผย “นายกฯ เน้นย้ำให้รูปแบบโรงเรียนนิติบุคคลควรเริ่มในโรงเรียนที่ไม่มีความพร้อม พร้อมทั้งเร่งให้ ศธ.พัฒนาครู-ผู้เรียน มากกว่าปรับโครงสร้าง นำเด็กอ่อนมาเรียนกับครูที่เก่ง มอบ สกศ.และ สป.ดำเนินการ “รมว.ศธ.” ชี้ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเป็นสาเหตุหลัก หากสามารถแก้ไขเหตุได้ผลก็จะดี

ที่โรงเรียน มอ.วิทยานุสรณ์ จังหวัดสงขลา นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า โรงเรียน มอ.วิทยานุสรณ์ เป็นโรงเรียนหนึ่งที่มีการบริหารงานในรูปแบบนิติบุคคลที่ดี ซึ่งขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กำลังจะดำเนินโครงการจัดการศึกษาในรูปแบบโรงเรียนนิติบุคคล หรือ Public school ที่ให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมบริหารจัดการ อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียังได้เน้นย้ำว่า การทำโครงการโรงเรียนนิติบุคคลต้องไม่ทำในโรงเรียนที่มีความพร้อม เนื่องจากมีผลลัพธ์ที่ดีอยู่แล้ว แต่ควรให้เริ่มจากโรงเรียนที่ไม่พร้อม และทำให้โรงเรียนเหล่านั้นมีความพร้อมจัดการศึกษาที่มีคุณภาพให้ได้ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการอิสระฯ ก็มีข้อเสนอในการดำเนินการโรงเรียนนิติบุคคล ซึ่งตนได้แจ้ง นพ.จรัส สุวรรณเวลา ประธานกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาแล้ว ว่าให้ยึดตามแนวทางที่นายกฯ สั่งการ นอกจากนี้นายกฯ ยังได้เน้นย้ำให้ ศธ.เร่งการพัฒนาครูและผู้เรียนมากกว่าการปรับโครงสร้างของกระทรวง โดยเฉพาะการนำเด็กอ่อนได้มาเรียนกับครูที่เก่งๆ ทั้งนี้ ได้มอบให้สภาการศึกษา (สกศ.) และปลัด ศธ.ไปดูเรื่องการพัฒนาครูให้มากขึ้น

นพ.ธีระเกียรติกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ คณะกรรมการอิสระฯ มีความเห็นว่า ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการศึกษาอยู่ 2 เรื่อง คือ ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และ คุณภาพทางการศึกษา แต่ตนมองว่าปัญหาการศึกษาของประเทศไทยมีแค่เรื่องของคุณภาพเท่านั้น ส่วนความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเป็นเพียงสาเหตุ หากสามารถแก้ไขเหตุได้ ผลก็จะดีเอง ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนรางวัลพระราชทานและเป็นโรงเรียนที่จัดการเรียนการสอนระดับแนวหน้าของโลก โดยเป็นโรงเรียนเอกชนที่มีการใช้นวัตกรรมและมุ่งเน้นการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ โดยการนำรูปแบบสเต็มศึกษามาใช้ในการจัดการเรียนการสอนด้วย ดังนั้นตนจึงขอให้โรงเรียน ม.อ.วิทยานุสรณ์ ได้เป็นสถานศึกษาหลักที่จะช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนในกลุ่มจังหวัดสงขลา

“นายกฯ พูดในเวทีการประชุมเขตเศรษฐกิจเอเปก ที่ประเทศเวียดนาม ว่า การเรียนการสอนสเต็มศึกษาจะพัฒนาประเทศไทยไปสู่ 4.0 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นโรงเรียนทุกแห่งจะต้องนำรูปแบบสเต็มศึกษามาใช้อย่างจริงจังให้มากขึ้นด้วย อีกทั้งโรงเรียน มอ.วิทยานุสรณ์ยังถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่นำสเต็มศึกษามาใช้แล้วเห็นผลสำเร็จ คือ คะแนนผลทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต ทุกกลุ่มสาระสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ ซึ่งสะท้อนว่าสเต็มศึกษามีส่วนให้การยกระดับการศึกษา” รมว.ศธ.กล่าว.

ที่มา : ไทยโพสต์