ข่าวการศึกษาสาระความรู้

8 ข้อที่ครูควรทำ เพื่อไม่ให้นักเรียนแบกกระเป๋าหนักเกินไป

ปัญหาเรื่องการแบกน้ำหนักกระเป๋านักเรียน ของนักเรียนไทย หรือแม้แต่นักเรียนในประเทศต่างๆ เป็นปัญหามานาน เนื่องจากรายวิชาที่เรียนมีเยอะ และขาดการวางแผนที่ดีของนักเรียนเอง หรือผู้ปกครอง รวมถึงขาดความเอาใจใส่จากทั้งครูและผู้ปกครอง  หรือแม้กระทั่งครูกำชับนักกำชับหนาแล้วว่า  ให้เอาเฉพาะวิชาที่มีการบ้านกลับไปเท่านั้น  นักเรียนก็ไม่วายที่จะขนเอาหนังสือเรียนแบบเรียนเหล่านั้น  กลับบ้านไปอยู่ดี  รักครู.com จึงขอนำเสนอ 8 ข้อที่ครูควรช่วยเหลือเด็กๆ ดังนี้

1.  ตรวจสอบกระเป๋านักเรียนก่อนกลับบ้าน

คุณครูไม่ต้องถึงกับขนาดต้องเอาเครื่องอะไรมาสแกน หรือ ให้นักเรียนเทของในกระเป๋าทั้งหมดก็ได้ เพียงแต่สังเกตุว่า กระเป๋าของเจ้าตัวแสบคนไหนที่ตุงผิดปกติ หรือยกแล้วหนักผิดปกติ ก็ให้นักเรียนแก้ไข เอากลับบ้านไปเฉพาะที่จำเป็น

ติดตามข่าวอื่น ๆ ได้ที่เพจ : https://www.facebook.com/rukkroo

2.  ถ้าเธอแบกอย่างนี้ทุกวัน อาจจะมีปัญหากับสุขภาพเธอได้นะ

ชี้แจงเหตุผลให้นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับร่างกายของนักเรียน เมื่อแบกน้ำหนักที่มากเกินไปทุกๆวันเป็นเวลานาน เพื่อให้เขารู้สึกว่าจะต้องแก้ไข หรือจัดระเบียบ วางแผน เกี่ยวกับกระเป๋านักเรียนให้ดีขึ้น

3.  สร้างพื้นที่ Safe Zone ให้หนังสือเรียน

คุณครูหลายคนบอกว่า ได้เคยบอกไปแล้วทุกครั้งว่า อย่าเอาหนังสือกลับบ้านมากเกินไป เพราะจะเกิดปัญหาอย่างนั้นอย่างนี้  แต่นักเรียนก็นำหนังสือกลับบ้านไปอยู่ดี  โดยเหตุผลสำคัญของเด็กๆก็คือ  กลัวหนังสือหาย  ถ้าอย่างนั้นก็จะเป็นปัญหาของคุณครูและโรงเรียนต้องร่วมกันบริหารจัดการแล้วล่ะ ที่จะทำอย่างไรก็ได้ให้ของที่เอาไว้ที่โรงเรียนไม่หาย เช่นเขียนชื่อติดไว้ที่หนังสือ  มีล็อกเกอร์  มีการสร้างจิตสำนึกเรื่องความซื่อสัตย์  …  การเป็นครูนี่ยากจริงๆนะ แต่เราก็รักวิชาชีพนี้แล้วนี่ ^ ^

4.  เลือกกระเป๋าที่เหมาะสมกับตัวนักเรียนเอง

ผู้ปกครองชอบซื้อของเผื่อโต  ซื้อกระเป๋าก็เช่นกัน ซื้อเผื่อโต เช่น นักเรียนอยู่ชั้น ป.1 ซื้อกระเป๋ากะว่าจะอยู่ไปถึงชั้น ป.6 เลย โอ้โห คุณแม่  …. แบบนี้ครูก็เหนื่อยใจ แต่ทำอย่างไรได้ก็ต้องเป็นครูอีกนั่นแหละที่ต้องร่วมแก้ปัญหา  ต้องชี้แจงกับผู้ปกครอง โดยการนำข่าวต่างๆ ที่เกี่ยวกับกระเป๋านักเรียน ที่ทำให้เกิดผลเสียแก่ร่างกายให้ดูปกครองอ่าน ให้ผู้ปกครองดู สร้างความเข้าใจร่วมกัน ถ้าผู้ปกครองไม่ค่อยมีตังค์ก็เผื่อไปซัก ป.3 อย่าให้ถึง ป.6 เลย ไม่อย่างนั้นเจ้าตัวน้อยคงได้ลากกระเป๋าลงขี้เลน บ้างแล้วล่ะ

5. อย่าให้การบ้านมากเกินไป

เรื่องนี้ถ้าโรงเรียนไหนเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก คนเดียวสอนทุกวิชา เรื่องนี้แก้ไขง่าย  แต่ถ้าโรงเรียนไหนมีครูเวียนสอนละก็  ต้องคุยกันหน่อยทั้งโรงเรียน  จริงๆแล้วครูเข้าใจปัญหานะ ว่าเมื่อให้การบ้านนักเรียนไปเยอะๆ บางคนหรือแทบทุกคนทำไม่เสร็จหรอก หรือทำเสร็จก็มาทำเสร็จที่โรงเรียนตอนเช้า หรืออาจจะทำการบ้านจนดึกดื่นจนเสร็จ  ส่งผลให้เกิดปัญหาตามมาเช่น  ทำเสร็จ  แต่งานไม่เรียบร้อย  ทำเสร็จตอนเช้าแต่ภาระรับผิดชอบเพื่อฝึกวินัยในตอนเช้าบกพร่อง เช่น  ทำความสะอาดห้องเรียน เวรประจำวันถูกละเลย หรือแม้กระทั่งมานั่งหลับในห้องเรียน

เหล่านี้ คุณครูทั้งโรงเรียนต้องมานั่งถกปัญหากัน ว่าวันไหนจะให้การบ้านอย่างไร หรือวิชาไหน เพราะการทำงานในโรงเรียนต้องทำด้วยกัน เป็นทีมเดียวกันถึงจะพัฒนาการศึกษาได้ ไม่อย่างนั้น ครูอีกคนสั่งอีกอย่าง คนละทิศละทาง นักเรียน งงตาย

6.  ของบางอย่างไม่ควรเอาใส่กระเป๋านักเรียน

คุณครูคงเคยเจอ กระเป๋านักเรียนบางคนเหมือนกับกล่องสมบัติ มีทั้งขนม ของเล่น สมุดวาดภาพ กล่องดินสอ เกมการ์ด ช้อนส้อม และอื่นๆอีกจิปาถะ บางอย่างไม่ควรอยู่ในกระเป๋าเลย เช่น ขยะ ถุงขนม  เศษไม้จากการเหลาดินสอ  ห่อหมูปิ้ง เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุของความสกปรกและน้ำหนักของกระเป๋าทั้งสิ้น เรามาช่วยแก้ปัญหา ของนักเรียนผู้มากด้วยสมบัติเหล่านี้กันนะ

7.  ปรับสายกระเป๋าให้กระชับ อยู่ในระดับที่เหมาะสม

ปรับสายกระเป๋าให้พอดีกับความสูงของตัวนักเรียนเอง ไม่ปล่อยจนไปสุดสาย กลายเป็นลากดิน ลากโคลน กันไป ถ้ากระเป๋าหนักๆด้วยแล้ว กระเป๋าจะก้นขาดภายในเวลาไม่นาน

8.  เปลี่ยนไปใช้แบบลากบ้างก็ได้

สำหรับนักเรียนสมัยนี้  เขาไม่ได้ทน ถึก เหมือนตอนเราเป็นเด็ก  สมัยเราเป็นเด็กแบกวัวไปโรงเรียนยังได้   แต่เด็กทุกวันนี้เกิดขึ้นมาพร้อมกับความสะดวก สบาย ครอบครัวเลี้ยงดูอย่างดี สมรรถนะของร่างกายจึงไม่ถูกใช้ไปในทางที่หนักมาก ก็เขามีเครื่องมืออำนวยความสะดวกมากมาย ร่างกายจึงต้องอ่อนแอบ้างเป็นเรื่องที่เข้าใจได้  แต่บางโรงเรียนกระเป๋าจะต้องเป็นเซ็ตเดียวกันเพื่อความยูนีค เป็นพรรคพวกเดียวกัน ต้องกระเป๋าแบบเดียวกัน อันนี้ก็ไม่ว่า แต่ถ้านักเรียนคนไหนตัวเล็กๆ เด็กอยากลากบ้าง  ก็น่าจะเป็นข้อหนึ่งที่โรงเรียนจะช่วยจัดสรร หรืออนุญาตพวกเขาได้  สุขภาพของลูกๆเราสำคัญกว่าครับ

เป็นอย่างไรบ้างทั้ง 8 ข้อนี้ท่านใดได้ทำแล้วบ้างหรือยัง  หรือพอจะนำไปใช้ประโยชน์ได้บ้างไหม  สามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่เพจ รักครูดอทคอม  ได้เลยจ้า

* แชร์เถอะจ๊ะ อย่าลอกทั้งดุ้นเลย

เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ

Back to top button