ข่าวการศึกษา

เกณฑ์การประเมินวิทยฐานะ ว7/2558 (PA) ชะลอการทดสอบ วัดจิตวิญาณความเป็นครู

ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี 287/2558
ผลประชุม ก.ค.ศ. 9/2558

พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 9/2558 เมื่อวันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2558 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ

ติดตามข่าวอื่น ๆ ได้ที่เพจ : https://www.facebook.com/rukkroo

ได้กล่าวถึง การพิจารณาการประเมินวิทยฐานะ ตามเกณฑ์ ว7/2558 

นายแพทย์กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การประชุม ก.ค.ศ.ครั้งนี้ เป็นการประชุมครั้งแรกของพลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ซึ่งได้พิจารณาประเด็นการขอมีวิทยฐานะหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement : P.A.) ตามหลักเกณฑ์ ว7/2558 ลงวันที่ 11 พ.ค.2558 ซึ่งเป็นการประเมินที่ไม่ยึดติดกับผลงานทางวิชาการ แต่จะดูจากผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักเรียนเป็นหลัก

โดยแต่เดิมหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะมี 2 ขั้นตอนด้วยกัน

ขั้นตอนแรก  คือการกลั่นกรองด้วยการทดสอบวัดความรู้ความสามารถเชิงทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับการศึกษา โดยใช้กรอบในการวัดคือความจำ ความเข้าใจ การนำไปใช้ การวัดการวิเคราะห์ ประเมินค่า และสร้างสรรค์

ขั้นตอนที่สอง  จะดูจากการประเมินประสบการณ์วิชาชีพ ซึ่งก็คือผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนเป็นหลัก

ในส่วนขั้นตอนของการทดสอบนั้น ที่ประชุมได้พิจารณารายละเอียดต่างๆ แล้ว เห็นว่าอาจจะทำให้ครูที่มีความรู้ มีประสบการณ์ สอนเก่ง แต่ไม่ถนัดวิชาการสอบไม่ผ่าน จึงมีมติให้ชะลอการทดสอบตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวออกไปก่อน

ซึ่งแต่เดิมจะเริ่มทำการทดสอบและประเมินตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน – 30 ตุลาคม 2558 และให้ตั้งคณะอนุกรรมการ ก.ค.ศ. วิสามัญเฉพาะกิจ โดยมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน เพื่อพิจารณาแก้ไขหลักเกณฑ์ดังกล่าวโดยต้องตอบโจทย์ใน 4 ประเด็นสำคัญ คือ

1) ควรเป็นการประเมินที่ลดภาระการสอนของครูโดยไม่ให้ครูทิ้งห้องเรียน 

2) เป็นการประเมินที่มีมาตรฐานตรงกัน สามารถวัดจิตวิญญาณความเป็นครูได้ ซึ่งในส่วนนี้ที่ประชุมเห็นชอบให้ว่าที่ร้อยตรีอานนท์ สุขภาคกิจ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 เป็นหัวหน้าคณะกรรมการหาตัวชี้วัดการประเมินครูด้านจิตวิญญาณ  

3) ครูมีหลายลักษณะ จึงควรแยกประเภทครูให้ชัดและใช้วิธีการประเมินที่แตกต่างกันออกไป

4) เน้นผลสัมฤทธิ์การประเมินโดยให้วัดที่ตัวนักเรียนเป็นหลัก

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีวิทยฐานะและเลื่อนวิทยฐานะ ตามเกณฑ์การประเมิน ว17/2552 ซึ่งเป็นการจัดทำผลงานทางวิชาการ และยังไม่ได้ยกเลิก จึงให้กลับไปดูว่าควรจะต้องยกเลิกหรือไม่

ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจฯ จะสรุปหลักเกณฑ์ต่างๆ ทั้งหมดให้เสร็จสิ้นภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อเสนอให้ที่ประชุม ก.ค.ศ.พิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป ในวันที่ 24 กันยายน 2558

ที่มา : กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ

 

เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ

Back to top button