ผลประชุม ก.ค.ศ. 1/2558

ศึกษาธิการ – พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 1/2558 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม 2558 ที่ห้องประชุมราชวัลลภ

ติดตามข่าวอื่น ๆ ได้ที่เพจ : https://www.facebook.com/rukkroo
เห็นชอบในหลักการ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement) โดยสาระสำคัญของหลักเกณฑ์ดังกล่าว สรุปดังนี้
– กำหนดคุณสมบัติผู้ขอรับการประเมิน ดังนี้
1) ผู้ขอ สามารถยื่นคำขอได้ก่อนที่จะดำรงวิทยฐานะครบตามที่กำหนดในมาตรฐานวิทยฐานะ ได้ก่อนไม่เกิน 2 ปี
2) มีภาระงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบตามที่ส่วนราชการกำหนด
3) ผ่านการพัฒนาจากส่วนราชการ 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ความรู้ความสามารถเชิงทฤษฎี ส่วนที่ 2 ประสบการณ์วิชาชีพ โดยผลการพัฒนาฯ ให้ใช้เป็นคุณสมบัติในการขอเลื่อนวิทยฐานะไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันที่ประกาศผลการทดสอบ
4) มีข้อตกลงในการพัฒนางาน โดยต้องมีระยะเวลาในการพัฒนางานไม่น้อยกว่า 2 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี
5) ต้องได้รับการรับรองว่าเป็นผู้มีวินัย คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ จากผู้บังคับบัญชาชั้นต้น
– ผ่านการประเมิน 2 ด้าน คือ
ด้านที่ 1 ด้านวินัย คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ
ด้านที่ 2 ด้านที่ 2 การพัฒนางานตามข้อตกลง ซึ่งประกอบด้วย
1) การพัฒนางานและผลการพัฒนาคุณภาพการปฏิบัติงาน พิจารณาจากความสามารถในการปฏิบัติงานในหน้าที่ประจำ และผลที่เกิดกับผู้เรียนหรือคุณภาพผู้เรียน
2) การพัฒนาตนเอง พิจารณาจากแผนการพัฒนาตนเองที่สอดคล้องกับงานหรือเรื่องที่จะทำการพัฒนา
– ให้มีกรรมการ 2 ชุด
คณะกรรมการชุดที่ 1 ทำหน้าที่พิจารณาข้อตกลงในการพัฒนางานและประเมินสรุปผลการพัฒนางานตามข้อตกลง เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาที่กำหนดตามข้อตกลง
คณะกรรมการชุดที่ 2 ทำหน้าที่ประเมินเพื่อพัฒนาเป็นระยะๆ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงตลอดระยะเวลาของการพัฒนางานตามข้อตกลง
– เกณฑ์การตัดสิน ผู้ผ่านเกณฑ์การประเมินต้องได้คะแนนแต่ละด้าน ดังนี้
1) ด้านที่ 1 ด้านวินัย คุณธรรม ต้องได้คะแนนจากผู้บังคับบัญชาชั้นต้น วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 และวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75
2) ด้านที่ 2 ด้านการพัฒนางานตามข้อตกลง ต้องได้คะแนนจากกรรมการแต่ละชุด แต่ละคน ดังนี้ วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 และวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75
– กำหนดให้ยื่นคำขอได้ปีละ 1 ครั้ง 2 ช่วงเวลา คือ ก่อนภาคเรียนที่ 1 และก่อนภาคเรียนที่ 2 ก่อนเปิดภาคเรียนไม่น้อยกว่า 90 วัน
n เห็นชอบในหลักการ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement) โดยสาระสำคัญของหลักเกณฑ์ดังกล่าว สรุปดังนี้
– กำหนดคุณสมบัติผู้ขอรับการประเมิน ดังนี้
1) ผู้ขอ สามารถยื่นคำขอได้ก่อนที่จะดำรงวิทยฐานะครบตามที่กำหนดในมาตรฐานวิทยฐานะ ได้ก่อนไม่เกิน 2 ปี
2) มีภาระงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบตามที่ส่วนราชการกำหนด
3) ผ่านการพัฒนาจากส่วนราชการ 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ความรู้ความสามารถเชิงทฤษฎี ส่วนที่ 2 ประสบการณ์วิชาชีพ โดยผลการพัฒนาฯ ให้ใช้เป็นคุณสมบัติในการขอเลื่อนวิทยฐานะไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันที่ประกาศผลการทดสอบ
4) มีข้อตกลงในการพัฒนางาน โดยต้องมีระยะเวลาในการพัฒนางานไม่น้อยกว่า 2 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี
5) ต้องได้รับการรับรองว่าเป็นผู้มีวินัย คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ จากผู้บังคับบัญชาชั้นต้น
– ผ่านการประเมิน 2 ด้าน คือ
ด้านที่ 1 ด้านวินัย คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ
ด้านที่ 2 ด้านที่ 2 การพัฒนางานตามข้อตกลง ซึ่งประกอบด้วย
1) การพัฒนางานและผลการพัฒนาคุณภาพการปฏิบัติงาน พิจารณาจากความสามารถในการปฏิบัติงานในหน้าที่ประจำ และผลที่เกิดกับผู้เรียนหรือคุณภาพผู้เรียน
2) การพัฒนาตนเอง พิจารณาจากแผนการพัฒนาตนเองที่สอดคล้องกับงานหรือเรื่องที่จะทำการพัฒนา
– ให้มีกรรมการ 2 ชุด
คณะกรรมการชุดที่ 1 ทำหน้าที่พิจารณาข้อตกลงในการพัฒนางานและประเมินสรุปผลการพัฒนางานตามข้อตกลง เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาที่กำหนดตามข้อตกลง
คณะกรรมการชุดที่ 2 ทำหน้าที่ประเมินเพื่อพัฒนาเป็นระยะๆ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงตลอดระยะเวลาของการพัฒนางานตามข้อตกลง
– เกณฑ์การตัดสิน ผู้ผ่านเกณฑ์การประเมินต้องได้คะแนนแต่ละด้าน ดังนี้
1) ด้านที่ 1 ด้านวินัย คุณธรรม ต้องได้คะแนนจากผู้บังคับบัญชาชั้นต้น วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 และวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75
2) ด้านที่ 2 ด้านการพัฒนางานตามข้อตกลง ต้องได้คะแนนจากกรรมการแต่ละชุด แต่ละคน ดังนี้ วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 และวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75
– กำหนดให้ยื่นคำขอได้ปีละ 1 ครั้ง 2 ช่วงเวลา คือ ก่อนภาคเรียนที่ 1 และก่อนภาคเรียนที่ 2 ก่อนเปิดภาคเรียนไม่น้อยกว่า 90 วัน
n เห็นชอบให้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้าย รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.4/ ว16 ลงวันที่ 5 กันยายน 2556 ดังนี้
1) กรณีย้ายเพื่อความเหมาะสมและประโยชน์ของทางราชการ ให้ย้ายรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ตำแหน่งที่มีเงื่อนไข) ไปดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ตำแหน่งโครงสร้าง) ที่ว่างอยู่ได้
2) ให้มีกำหนดสัดส่วนของตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (โครงสร้าง) ที่ว่าง เพื่อใช้รับย้ายและใช้ในการคัดเลือกบุคคลมาบรรจุและแต่งตั้งในสัดส่วนที่เท่ากัน 50:50
3) ให้ สพฐ.ดำเนินการจัดทำร่างหลักเกณฑ์การรับสมัครคัดเลือกดังกล่าวให้ที่ประชุม ก.ค.ศ.พิจารณาในครั้งต่อไป
ทั้งนี้ การปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าว จะทำให้ตำแหน่ง
n เห็นชอบให้มีการย้ายและบรรจุและแต่งตั้ง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 2 ราย คือ
1) ย้าย นายวีระพงศ์ เดชบุญ ผอ.สพม.เขต 7 ไปดำรงตำแหน่ง ผอ.สพม.เขต 4
2) บรรจุและแต่งตั้ง นางสาวรัตติมา พานิชอนุรักษ์ ซึ่งเป็นผู้สอบแข่งขันได้ ให้ดำรงตำแหน่ง ผอ.สพม.เขต 7
n อนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ จากการขอรับการประเมินตามหลักเกณฑ์ ว 17/2552 จำนวน 1 ราย ได้แก่ นายเสถียร โพธิรัตน์ จากวิทยาลัยเทคนิคเชียงใหม่ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
n เห็นชอบให้ตั้ง อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเฉพาะกิจเกี่ยวกับการประเมินความรู้ความสามารถของบุคคลเพื่อให้ได้รับ พ.ต.ก. หรือเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ตำแหน่งนิติกร สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยมี นายกิจสุวัฒน์ หงส์เจริญ เป็นประธานอนุกรรมการ
n อนุมัติแต่งตั้งอนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา ดังนี้
1) อนุมัติตั้งนายบุญส่ง สมุทรเสน เป็นอนุกรรมการผู้แทนคุรุสภา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 18 (ชลบุรี และระยอง) แทนตำแหน่งที่ว่าง
2) เห็นชอบตั้งนายณรงค์ ศรีสรวล เป็นอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปราจีนบุรี เขต 1 แทนตำแหน่งที่ว่าง
3) อนุมัติตั้ง นายอรัญ พรหมรักษา เป็นอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการเงิน การคลัง ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 3 แทนตำแหน่งที่ว่าง
4) อนุมัติตั้งอนุกรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและมัธยมศึกษาแทนตำแหน่งที่ว่าง 25 ราย ดังนี้
– นายบัณฑิต พัดเย็น เป็นอนุกรรมการผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากรุงเทพมหานคร
– นายเฉลิมชัย วัดเข้าหลาม เป็นอนุกรรมการผู้แทนข้าราชการครู ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากรุงเทพมหานคร
– นายเจษฎา มงคลรัตน์ เป็นอนุกรรมการผู้แทนบุคลากรทางการศึกษาอื่น ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากรุงเทพมหานคร
– นายนิพนธ์ ถิ่นดอนหมู เป็นอนุกรรมการผู้แทนบุคลากรทางการศึกษาอื่น ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ
– นายสมชาย ฟักทอง เป็นอนุกรรมการผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 (ปทุมธานี และสระบุรี)
– นายชาญสินธุ์ กิจแสงทอง เป็นอนุกรรมการผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6 (ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ)
– นายศักดา โกมลวานิช เป็นอนุกรรมการผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 10 (เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร)
– นายถาวร แสงเพชร เป็นอนุกรรมการผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 (สุราษฎร์ธานี และชุมพร)
– นายสุรพงศ์ ขวัญคีรี เป็นอนุกรรมการผู้แทนข้าราชการครู ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 (สุราษฎร์ธานี และชุมพร)
– นางสาวรณิดา อินนุพัฒน์ เป็นอนุกรรมการผู้แทนบุคลากรทางการศึกษาอื่น ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 (นครศรีธรรมราชและพัทลุง)
– นายประภาส ขุนจันทร์ เป็นอนุกรรมการผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 15 (นราธิวาส ปัตตานีและยะลา)
– นายเติม พกแดง เป็นอนุกรรมการผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 16 (สงขลาและสตูล)
– นางศิรประภา ขวัญทอง เป็นอนุกรรมการผู้แทนข้าราชการครู ใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 16 (สงขลาและสตูล)
– นางสุริศา ริมคีรี เป็นอนุกรรมการผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษาใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 20 (จันทบุรีและตราด)
– นายวาสนา จุฑานันท์ เป็นอนุกรรมการผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 20 (อุดรธานี)
– นายวีระพงษ์ ไชยรา เป็นอนุกรรมการผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 24 (ขอนแก่น)
– นายเกษมสันต์ มณีภาค เป็นอนุกรรมการผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 29 (อุบลราชธานีและอำนาจเจริญ)
– นายสุรวิทย์ พลมณี เป็นอนุกรรมการผู้บริหารสถานศึกษา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 30 (ชัยภูมิ)
– นายบุญเลิศ พ่วงเพ็ชร เป็นอนุกรรมการผู้บริหารสถานศึกษา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 31 (นครราชสีมา)
– นายอิทธิพล ตรีรัตนกุลพร เป็นอนุกรรมการผู้แทนข้าราชการครู ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 31 (นครราชสีมา)
– นายชาญวิทย์ เพียรแก้ว เป็นอนุกรรมการผู้แทนข้าราชการครู ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 (บุรีรัมย์)
– นายบุญเสริม สุริยา เป็นอนุกรรมการผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 34 (เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน)
– นางพิมพ์ใจ มณีวรรณ์ เป็นอนุกรรมการผู้แทนบุคลากรทางการศึกษาอื่น ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 34 (เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน)
– นายเจริญ กาจุม เป็นอนุกรรมการผู้แทนข้าราชการครู ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 36 (เชียงราย และพะเยา)
– นายเดชา สมบูรณ์พงษ์กิจ เป็นอนุกรรมการผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 39 (พิษณุโลก และอุตรดิตถ์)