“ณรงค์” ยอมรับปัญหาแป๊ะเจี๊ยะแก้ลำบาก ชี้เป็นความสมยอมของผู้ปกครองและโรงเรียน ด้าน “กมล” ยันใครเรียกรับเงินเพื่อแลกที่นั่งเรียนมีความผิด 100% เผย สพฐ. มีมาตรการลงโทษขั้นเด็ดขาดอยู่แล้ว
วันนี้ (12 ม.ค.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีที่นายอุทิศ บัวศรี ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกมาเปิดเผยผลการสำรวจเกี่ยวกับการเก็บค่าแป๊ะเจี๊ยะของโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่จัดทำโดยคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งพบว่าในปี 2557 มีการเก็บเงินค่าแป๊ะเจี๊ยะสูงถึง 640 ล้านบาท แม้กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) จะมีนโยบายชัดเจนห้ามสถานศึกษาเรียกเงินกินเปล่า หรือ แป๊ะเจี๊ยะเพื่อแลกที่นั่งเรียนว่า เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะตนกำชับทุกหน่วยงานและทุกคนเกี่ยวข้องมาตลอด และที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็เคยพูดกับตน และ ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)แล้วว่าไม่ต้องการให้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น
ติดตามข่าวอื่น ๆ ได้ที่เพจ : https://www.facebook.com/rukkroo
“ต้องยอมรับว่าการจะแก้ปัญหานี้ให้หมดไปเป็นเรื่องที่ลำบาก เพราะการจ่ายแป๊ะเจี๊ยะเพื่อแลกกับที่นั่งเรียน เป็นการสมยอมกันทั้งผู้ปกครองและโรงเรียน โดยผู้ปกครองก็ยอมจ่ายเงิน ขณะที่โรงเรียนก็รับเงิน ซึ่งก็ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ทำให้ปัจจุบันยังมีการเรียกเก็บแป๊ะเจี๊ยะกันอยู่ แต่จะเรียกเก็บมากน้อยแค่ไหน คงต้องไปดูข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามต้องกำชับไม่ให้มีการเรียกเก็บแป๊ะเจี๊ยะด้วย”รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
ด้าน ดร.กมล กล่าวว่า ไม่ทราบว่าในการสำรวจไปนับตัวเลขอะไรบ้าง เป็นเงินที่ใครรับไป และรับไปเพื่ออะไร ซึ่งถ้าเป็นการเรียกรับเพื่อแลกที่นั่งเรียนของเด็กไม่ว่ากรณีใดก็ตามถือว่าผิด 100% เพราะ ศธ. และ สพฐ.มีนโยบายชัดเจนว่า ห้ามรับ แต่ถ้าผู้ปกครองต้องการช่วยเหลือโรงเรียนก็ต้องทำหลังจากเด็กเข้าเรียนแล้ว อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ต้องขอตรวจสอบรายละเอียดก่อน
“ศธ.และ สพฐ. ย้ำเสมอว่า ห้ามโรงเรียนเรียกรับเงินแป๊ะเจี๊ยะ หรือห้ามตกลงล่วงหน้าเพื่อแลกที่นั่งเรียนของเด็ก เพราะฉะนั้นหากมีการเรียกรับแป๊ะเจี๊ยะ ไม่ว่าจะเอาเงินเข้ากระเป๋าใคร หรือเพื่อใช้จ่ายในกิจการของโรงเรียนก็ถือว่าผิดทั้งนั้น ดังนั้นหากใครมีหลักฐานการเรียกรับเงินเพื่อแลกที่เรียนขอให้นำมามอบให้ที่ สพฐ.หรือมอบให้ผมได้โดยตรง ซึ่ง สพฐ.มีมาตรการลงโทษขั้นเด็ดขาดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารหรือครูก็ตาม”ดร.กมล กล่าว.
