ผลประชุม ก.ค.ศ. 3/2561
นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 3/2561 เมื่อวันศุกร์ ที่ 30 มีนาคม 2561 ณ ห้องประชุมจันทรเกษม อาคารราชวัลลภ โดยมี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธาน ก.ค.ศ. เป็นประธานการประชุม และศาสตราจารย์คลินิก นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เข้าร่วมประชุม
● กำหนดแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับการพิจารณาย้ายผู้บริหารสถานศึกษา
ติดตามข่าวอื่น ๆ ได้ที่เพจ : https://www.facebook.com/rukkroo
ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายฯ เป็นการเฉพาะ เพื่อใช้ย้ายผู้อำนวยการสถานศึกษาครั้งใหม่ให้รัดกุม โดยไม่ให้กระทบกับคำสั่งศาล และให้ยึดหลักการตามคำสั่งศาลปกครองที่ให้สามารถพิจารณาการย้ายผู้บริหารสถานศึกษาเพื่อการบริหารงานของรัฐได้
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวเพิ่มเติมในประเด็นนี้ด้วยว่า ที่ประชุมได้มีการหารือกับฝ่ายกฎหมายอย่างกว้างขวาง และพิจารณาเห็นว่าหากรออุทธรณ์เพียงอย่างเดียว การบริหารงานอาจเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ตลอดจนเพื่อเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งศาล จึงมีมติให้ออกหลักเกณฑ์การย้ายใหม่ด้วยความรัดกุม เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาสำหรับผู้ที่ผ่านเกณฑ์ ว9 และไม่ส่งผลกระทบกับข้อ 10 หรือข้อ 11 ของ ว24/2560 ซึ่งมีตำแหน่งรอการบรรจุอยู่จำนวนมาก โดยคาดว่าจะดำเนินการแก้ไขปัญหาแล้วเสร็จภายในช่วงปิดเทอมนี้ ส่วนผู้ที่มีสิทธิ์ตาม ว24/2560 หลังศาลมีคำสั่งก็ต้องพักไว้ก่อน แต่เมื่อหลักเกณฑ์ใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้วและมีคุณสมบัติครบ ก็สามารถยื่นขอย้ายตามหลักเกณฑ์ใหม่ได้
●
ที่ประชุมเห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการนำรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกในบัญชีหนึ่งไปขึ้นเป็นบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือกในบัญชีอื่น ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
-
ให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) เป็นผู้ดำเนินการ โดยการตกลงยินยอมของ กศจ. เจ้าของบัญชี และ กศจ. ที่ขอรายชื่อผู้ได้การคัดเลือก
-
การขอรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือก ให้ดำเนินการตามลำดับและขั้นตอน ดังนี้
1) ให้ขอรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกจากบัญชี ของ กศจ. ที่มีพื้นที่ติดต่อกันในสังกัดสำนักงานศึกษาธิการภาคเดียวกัน
2) หากไม่มี ให้ขอจาก กศจ. ที่มีพื้นที่ติดต่อกันในสำนักงานศึกษาธิการภาคอื่น
3) หากไม่มี ให้ขอจาก กศจ. ใดก็ได้ ในสังกัดสำนักงานศึกษาธิการภาคเดียวกัน
4) หากไม่มี ให้ขอจาก กศจ. ในสังกัดสำนักงานศึกษาธิการภาคใดก็ได้ -
ให้ กศจ. เจ้าของบัญชี และ กศจ. ที่ขอรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือก ดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนที่บัญชีเดิมจะครบอายุการขึ้นบัญชี
●
ที่ประชุมเห็นชอบให้เสนอคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) เพื่อขอยกเว้นเงื่อนไขการจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการของข้าราชการครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เฉพาะเมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 คืนให้กับโรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาส และโรงเรียนมัธยมศึกษาที่มีจำนวนนักเรียนน้อยกว่า 250 คน ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ปกติแต่ประสบปัญหาการขาดแคลนอัตรากำลังครู จำนวนรวมทั้งสิ้น 2,965 แห่ง จำนวน 3,621 อัตรา
ที่ประชุมเห็นชอบกรอบแนวคิดในการกำหนดระเบียบ ก.ค.ศ. ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 (ซึ่งมาตรา 52 กำหนดว่า นอกจากการบรรจุและแต่งตั้งเพื่อให้บุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาแล้ว ก.ค.ศ. อาจกำหนดให้ตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาบางตำแหน่ง เป็นสัญญาจ้างปฏิบัติงานรายปี หรือโดยมีกำหนดเวลาตามระเบียบที่ ก.ค.ศ. กำหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลังหรือเป็นพนักงานราชการ โดยไม่ต้องเป็นข้าราชการก็ได้) เพื่อรองรับนโยบาย Public School ของรัฐบาล โดยมีกรอบแนวคิด ดังนี้
-
ในระยะเริ่มแรก ควรกำหนดเฉพาะระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการจ้างบุคคลให้ดำรงตำแหน่งตามสัญญาจ้าง เนื่องจากการจ้างพนักงานราชการมีระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีกำหนดไว้ให้ปฏิบัติแล้ว
-
การกำหนดตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาบางตำแหน่งเป็นสัญญาจ้าง ในเบื้องต้นเห็นควรกำหนดเพียง 2 ตำแหน่ง คือ ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา และตำแหน่งครู
-
การสรรหาบุคคลเพื่อจ้าง ใช้กระบวนการคัดเลือก โดยผู้มีสิทธิ์เข้ารับการคัดเลือกต้องมีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งตรงตามที่ ก.ค.ศ.กำหนด เน้นประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญมากเป็นพิเศษ
-
กำหนดระยะเวลาการจ้าง 4 ปี ต้องปฏิบัติงานตามเวลาราชการเต็มเวลา และต้องได้รับการประเมินผลการปฏิบัติงานทุกปี เพื่อประเมินผลการจ้าง
-
ค่าตอบแทนและประโยชน์เกื้อกูลอื่น ๆ ให้เทียบเคียงกับบัญชีอัตราเงินเดือนตามพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2558 และจะกำหนดเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิ ประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญและผลงานที่ปรากฎ
-
กำหนดให้มีการกำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงาน สำหรับสถานศึกษาที่มีการจ้างบุคคลให้ดำรงตำแหน่งตามสัญญาจ้าง
-
ใช้งบประมาณของส่วนราชการเป็นค่าจ้าง
●
ที่ประชุมเห็นชอบให้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปี พ.ศ. 2561 โดยใช้หลักการเดิมไปก่อน โดยให้มีการสอบทั้ง ภาค ก., ภาค ข. และภาค ค. และให้สอดคล้องกับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยให้มีการขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ 2 ปี
ทั้งนี้ มอบสำนักงาน ก.ค.ศ. ไปดำเนินการจัดประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกร่างหลักเกณฑ์และวิธีการใหม่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้นำเสนอ ก.ค.ศ. ในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนเมษายน 2561
ทั้งนี้ นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้แจ้งต่อที่ประชุมด้วยว่า สพฐ. ได้จัดทำกำหนดการจัดสอบต่าง ๆ เตรียมไว้แล้ว โดยต้องการให้กระบวนการจัดสอบทุกอย่างเสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2561 เพื่อบรรจุครูผู้ช่วยได้ภายในต้นเดือนกรกฎาคม 2561
●
ที่มา : ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ