ข่าวการศึกษา

รมว.อุดมศึกษาฯ เปิดตัวโครงการ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย ยกเศรษฐกิจระดับชุมชน แก้ยากจน นำร่อง 3 พันตำบล จ้างงานกว่า 6 หมื่นคน

รมว.อุดมศึกษาฯ เปิดตัวโครงการ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย ยกเศรษฐกิจระดับชุมชน แก้ยากจน นำร่อง 3 พันตำบล จ้างงานกว่า 6 หมื่นคน

ศาสตราจารย์ พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เปิดตัวโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย) เผยว่า เป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจในระดับชุมชน แก้ปัญหาความยากจน โดยจะเริ่มดำเนินการใน 3,000 ตำบล และจะเกิดการจ้างงานกว่า 60,000 คน รวมทั้งจะขยายผลเพิ่มไปในพื้นที่อีก 4,900 ตำบล เพื่อให้การดำเนินโครงการครอบคลุมรวม 7,900 ตำบลทั่วประเทศ และจะมีการจ้างงานกว่า 150,000 คน โดยมีมหาวิทยาลัยกว่า 80 แห่ง ดำเนินการร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในแต่ละพื้นที่ นำองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ช่วยยกระดับเศรษฐกิจและสังคมในตำบล ผ่านการจ้างงานนิสิต นักศึกษา บัณฑิตจบใหม่ รวมถึงประชาชนในพื้นที่ที่จะเข้าไปช่วยในการพัฒนาตำบล ๆ สามารถยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลที่สามารถนำไปสู่การลดปัญหาความยากจนอย่างมีเป้าหมายชัดเจน

ติดตามข่าวอื่น ๆ ได้ที่เพจ : https://www.facebook.com/rukkroo

โครงการนี้ ยังจะช่วยฝึกและพัฒนาทักษะให้เด็กและเยาวชน ได้มีความรู้และมีทักษะในการปฏิบัติ เป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติต่อไป และการจัดทำโครงการ/กิจกรรมยกระดับเศรษฐกิจและสังคมเพื่อพัฒนาตำบลของมหาวิทยาลัย จะใช้ข้อมูลในชุมชนที่มีการจัดเก็บรวบรวม เป็นบิ๊กดาต้า(Big Data) มาทำการวิเคราะห์และกำหนดรูปแบบการดำเนินกิจกรรมตามสภาพปัญหา ศักยภาพ และบริบทของพื้นที่ที่รับผิดชอบ ร่วมกับการบูรณาการโครงการของหน่วยงานภาครัฐซึ่งมีจำนวนมากที่ไปลงพื้นที่หรือชุมชน รวมทั้งยังเชื่อมโยงกับการทำงานของ อว. ส่วนหน้าที่ต้องการพัฒนาและยกระดับคุณภาพความเป็นอยู่ในระดับจังหวัดตามนโยบายของรัฐบาล

ขณะที่ กระทรวงศึกษาธิการ พร้อมพัฒนาทุกมิติ ในปีงบปี 2565

นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เผยว่า ได้มอบหมายให้ผู้บริหารกระทรวงฯทุกคนวางแผนการขับเคลื่อนงานการศึกษาที่ชัดเจน โดยงบประมาณจะต้องเชื่อมโยงกับแผนงานและนโยบายของกระทรวงฯ เบื้องต้น จะไม่เน้นให้เด็กเรียนในห้องเรียนและท่องจำเพียงอย่างเดียว แต่การเรียนรู้ต้องเกิดจากการปฎิบัติได้จริง รวมถึงจะเพิ่มพื้นที่ให้เด็กมีกิจกรรมที่ทำนอกห้องเรียนมากขึ้น รวมถึงการควบรวมโรงเรียน เพื่อสร้างโรงเรียนแม่เหล็กที่เข้มแข็งและมีคุณภาพ และพัฒนาฐานความรู้ของครูให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน

ขอบคุณที่มา : กรมประชาสัมพันธ์

เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ

Back to top button