สพฐ.เปิดยุทธศาสตร์พัฒนาการศึกษาพื้นฐาน
สพฐ.ชง”ดาว์พงษ์”หนุนงบฯเดินหน้าโครงการสอนทางไกล พร้อมดันแผนยุทธศาสตร์พัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน
วันนี้(25 ส.ค.) ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) วันที่ 25 ส.ค.ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน 5 ปี (พ.ศ.2559-2563)ตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา หรือ ซุปเปอร์บอร์ดการศึกษา ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยแผนยุทธศาสตร์ฯจะต้องเตรียมพร้อมรับกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพ มีข้อบ่งชี้ถึงทิศทางและเป้าหมายที่สำคัญ พร้อมวิสัยทัศน์ เป้าประสงค์และพันธกิจที่ชัดเจน โดยจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
ติดตามข่าวอื่น ๆ ได้ที่เพจ : https://www.facebook.com/rukkroo
1.ยุทธศาสตร์เร่งด่วนที่จะดำเนินการภายใน 1 ปี ซึ่งอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย เช่น การแก้ปัญหาการอ่านไม่ออก-เขียนไม่ได้ การจัดการศึกษาเพื่ออาชีพ การพัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ และ
2.ยุทธศาสตร์ระยะยาว 5 ปี ที่ต้องกำหนดแผนเป็นรายปี โดยจะจัดเป็นหมวดหมู่ เช่น ยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพการศึกษา ยุทธศาสตร์การพัฒนาการเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาและลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน ยุทธศาสตร์การพัฒนาครูและบุคลกรทางการศึกษา ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบการบริหารจัดการ เป็นต้น
“เหตุผลที่ต้องจัดทำแผนยุทธศาสตร์ฯนี้ก็เพื่อชี้ให้สังคมเห็นว่า สพฐ.จะดำเนินการเรื่องใดและผลสัมฤทธิ์จะเป็นอย่างไร ซึ่งจะมีการประชุมผู้บริหารระดับสูง และผู้รับผิดชอบด้านแผนของ สพฐ.เพื่อจัดทำแผนยุทธศาสตร์ ในวันที่ 20-26ก.ย.นี้”เลขาธิการ กพฐ.กล่าวและว่า ส่วนเรื่องที่ สพฐ.ต้องเตรียมนำไปขอหารือกับ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ คือ งบประมาณการจัดซื้อครุภัณฑ์และอุปกรณ์ ตามโครงการพัฒนาการศึกษาผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ DLIT เพื่อขยายการสอนทางไกลสู่โรงเรียนขนาดกลางและขนาดใหญ่ 15,553 โรง ซึ่งงบฯที่มีจำนวน 1,400 ล้านบาทแล้วใช้ไม่ทันนั้น ได้ถูกดึงไปเป็นงบฯกลางแล้ว ดังนั้นคงต้องรอทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลว่า จะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร และจะคืนงบฯให้ สพฐ.หรือไม่ หากไม่ได้คืนก็คงต้องทำเรื่องขอทบทวนเพื่อขอใช้งบฯกลางต่อไป นอกจากนี้ยังมีเรื่องการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ที่จะมีการรื้อระบบการจัดการเรียนการสอนใหม่ทั้งประเทศ ซึ่งจะเริ่มในปีการศึกษา 2559 จึงจำเป็นต้องของบฯ เพื่อให้โรงเรียนใช้จ้างครูต่างชาติ รวมถึงพัฒนาครูสอนภาษาอังกฤษทั้งประเทศด้วย.“
ที่มา : http://www.dailynews.co.th/education/343969