รมว.ศธ. หารือกับสภาเครือข่ายองค์กรครูแห่งประเทศไทย
นายองค์กร อมรสิรินันท์ อดีตเลขาธิการคุรุสภา พร้อมด้วยตัวแทนสภาเครือข่ายองค์กรครูแห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยข้าราชการครู ผู้บริหารสถานศึกษา
นายองค์กร อมรสิรินันท์
ติดตามข่าวอื่น ๆ ได้ที่เพจ : https://www.facebook.com/rukkroo
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ในการใช้คำสั่งตามมาตรา 44 นั้น ไม่ได้ประกาศใช้เพื่อแก้ไขปัญหาการทุจริตเท่านั้น แต่รวมถึงการบริหารราชการให้มีประสิทธิภาพและเกิดความรวดเร็วด้วย และในโอกาสนี้ได้ขอให้
-
การปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการคุรุสภา คณะกรรมการ สกสค. และคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของ สกสค. ให้มีความเหมาะสม เช่นเดียวกับการปรับปรุงองค์ประกอบของสภาการศึกษาซึ่งเดิมมี 50 คน พบปัญหาเกิดความอุ้ยอ้ายและล่าช้าต่อการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ จึงได้ปรับลดลงมาเหลือ 25 คนแล้ว ดังนั้นการปรับปรุงองค์ประกอบใหม่ของคณะกรรมการ 3 ชุด จึงต้องปรับปรุงให้เหมาะสม มีการคานอำนาจของครูและผู้บริหาร โดยนำข้อบกพร่องและปัญหาในอดีตมาเป็นบทเรียน ให้เป็นองค์กรวิชาชีพครูอย่างแท้จริง -
การแก้ไขปัญหาเรื่องทุจริตที่เกิดขึ้นใน สกสค.
คือ กรณีการก่อสร้างหอพักที่เชียงใหม่, กรณี สกสค. ใช้เงิน 2,500 ล้านบาทซื้อตั๋วสัญญากับบริษัท บิลเลี่ยนอินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำความผิด และแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย, กรณี สกสค.นำเงินไปซื้อหุ้นในบริษัทหนองคายน่าอยู่เพื่อลงทุนโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชน ซึ่ง รมว.ศึกษาธิการยืนยันว่าจะนำเงินที่ได้คืนจากเรื่องทุจริตดังกล่าวมาคืนครูให้ได้มากที่สุด รวมทั้ง กรณีชุดนักเรียนขององค์การค้าของ สกสค. ซึ่งอยู่ในระหว่างการแก้ปัญหาโดยนำชุดนักเรียนที่ค้างในคลังสินค้ากว่า 509,000 ชุดไปขาย, เครื่องแบบการแต่งกาย อาทิ เข็มขัด ลูกเสือเนตรนารีกว่า 300,000 เส้น ที่ถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ก็จะนำเงินมากกว่าหลายร้อยล้านบาทกลับคืนมา เพื่อนำไปพัฒนากิจการลูกเสือเนตรนารีต่อไป -
การปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาตามนโยบายของรัฐบาล ได้หารือร่วมกันในหลายประเด็น อาทิ การแก้ไขปัญหาด้านการศึกษาตามที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวในงาน “นายกรัฐมนตรีพบเพื่อนครู คืนความสุขให้ครู คืนครูให้นักเรียน”, งบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการในปีนี้กว่า 529,000 ล้านบาท, การสนับสนุนเรียนฟรี15 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย, การแก้ปัญหาเด็กออก
กลางคันจากระบบการศึกษาภาคบังคับ, การบริหารราชการของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค โดยเฉพาะด้านการบริหารงานบุคคล ซึ่งกำลังดำเนินการในเรื่องเส้นทางความก้าวหน้า (Career Path) ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้ง 3 กลุ่ม ให้เกิดความชัดเจน
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวย้ำในที่ประชุมด้วยว่า หลายเรื่องที่นายกรัฐมนตรีและกระทรวงศึกษาธิการพูดออกมาชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการอุดหนุนเรียนฟรี 15 ปี แต่อาจเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับลงประชามติ) เกี่ยวกับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานว่าจะลดการอุดหนุนจากเรียนฟรี 15 ปี เหลือ 12 ปี จึงยืนยันได้ว่าจากนี้ไปไม่ว่ารัฐบาลใดจะเข้ามาบริหารประเทศ ก็จะกำหนดให้มีการอุดหนุนการจัดการศึกษา 15 ปี ถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย รวมประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ด้วย
ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการตามนโยบายต่างๆ จะมีความเห็นของนักวิชาการ ประชาชน ผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก เป็นเรื่องปกติธรรมดา หลายเรื่องอาจเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว หรือขั้นตอนแรกๆ ของการเสนอร่างกฎหมายเท่านั้นที่ยังไม่ได้ข้อยุติ แต่เมื่อมีการแชร์ข้อมูลออกไป ทำให้อาจเข้าใจผิดพลาดคลาดเคลื่อนกันได้ ดังนั้นในการพิจารณาข้อมูลต่างๆ ควรจะต้องดูว่าเป็นรายละเอียดอยู่ในขั้นตอนใด หรืออยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงหรือไม่ ซึ่ง
ที่มา : ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ