ศธ.ทุ่ม”พันล้าน”อุ้มรร.เอกชน
เผยมีโรงเรียนขนาดเล็กนักเรียนน้อยกว่า120คนจำนวน734แห่งที่เสี่ยงปิดกิจการ
ศธ.เล็งของบประมาณช่วยเหลือโรงเรียนเอกชนกว่าพันล้าน โดยเน้นเพิ่มเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายพื้นฐาน เงินอุดหนุนเพื่อสมทบเงินเดือนครู และยังมีงบช่วยเหลือโรงเรียนขนาดเล็ก 734 โรงเรียนที่มีเด็กต่ำกว่า 120 คน ให้พ้นภาวะเสี่ยงปิดกิจการ
ติดตามข่าวอื่น ๆ ได้ที่เพจ : https://www.facebook.com/rukkroo
นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้หารือร่วมกับคณะทำงานเรื่องการปรับปรุงแนวทางการอุดหนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สืบเนื่องจากมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบหมายให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยาไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อกำหนดแนวทางการให้การอุดหนุนของรัฐในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนเอกชนในระยะยาวให้มีความเหมาะสมและมีความยั่งยืน ซึ่งก็ได้มีการความขับเคลื่อนมาระยะหนึ่งแล้ว และจากการหารือพบว่า เงินอุดหนุนรายบุคคลนักเรียนโรงเรียนเอกชนจะมี 3 ส่วน ได้แก่ อุดหนุนค่าใช้จ่ายพื้นฐาน อุดหนุนเพื่อสมทบเงินเดือนครู และเงินอุดหนุนเพิ่มร้อยละ 10 โดยการปรับปรุงเบื้องต้น ในส่วนของเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายพื้นฐานจะปรับให้เป็นฐานเดียวกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และส่วนของเงินอุดหนุนเพื่อสมทบเงินเดือนครู จะมีการเสนอปรับให้เป็นปัจจุบันมากขึ้น โดยการนำเงินเดือนครูที่โรงเรียนจ่ายจริงมาเฉลี่ยเป็นตัวเลขเพื่อขอรับการสนับสนุน เบื้องต้นคาดว่ามีอัตราอยู่ที่ประมาณ 17,300 บาท จากเดิมประมาณ 14,300 บาท ซึ่งทำให้โรงเรียนไม่ต้องแบกรับภาระกว่า 3,000 บาทต่อเดือนต่อคน ทั้งนี้ คาดว่าจะได้งบประมาณเพิ่มในส่วนนี้ราว 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ตนยังมอบหมายให้คณะทำงานศึกษารายละเอียดและกำหนดแนวทางช่วยเหลือโรงเรียนเอกชนที่มีขนาดเล็กที่มีเด็กต่ำกว่า 120 คน ที่มีอยู่จำนวน 734 โรง และโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ในภาวะใกล้ปิดตัว เพื่อที่เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) สนับสนุนเงินท็อปอัพช่วยเหลือเพิ่มเติมประมาณ 64 ล้านบาท อีกทั้งยังต้องกำหนดรายละเอียดให้ชัดเจนด้วยว่าจะต้องนำเงินไปใช้ในด้านใด และยังได้มอบการบ้านให้ศึกษาเรื่องการจัดการศึกษาเด็กพิเศษ โดยศึกษาจากโรงเรียนของ สพฐ. เพื่อที่จะทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และในส่วนของโรงเรียนเอกชนกลุ่มการกุศล ช่วงที่ผ่านมามีการปรับเงินอุดหนุนช่วยเหลือไม่ทั่วถึง ทำให้บางโรงเรียนยังไม่ได้รับการอุดหนุน จึงได้ให้คณะทำงานไปศึกษารายละเอียดในส่วนนี้ด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ.
ที่มา : ไทยโพสต์