สถานี ก.ค.ศ. แนวทางการลงโทษทางวินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกท่าน วันนี ้ส านักงาน ก.ค.ศ. มีเรื่องราวที่น่าสนใจมาน าเสนอซึ่งเป็นเรื่องที่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกท่านควรได้รับทราบเกี่ยวกับ มติคณะรัฐมนตรีมติ ก.ค.ศ. และมติ ก.พ. ที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการลงโทษทางวินัย เนื่องจากการเป็ นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาจ าเป็ นต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบแบบแผนของทางราชการและมติคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด หากมีการละเมิดก็อาจน าไปสู่การถูกลงโทษทางวินัยได้ สำหรับในเรื่องของการปฏิบัติให้เป็ นไปตามมติคณะรัฐมนตรีนั้น ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาว่า เมื่อคณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นองค์กรสูงสุดที่มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดินตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หน่วยงานทางปกครองก็ต้องปฏิบัติตามนโยบายของคณะรัฐมนตรีการก าหนดหลักเกณฑ์เรื่องใดที่ไม่เป็ นไปตามมติคณะรัฐมนตรีย่อมถือว่า เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ อ.89/2549)
เรื่องการเสพสุรา มติคณะรัฐมนตรีตามหนังสือกรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นว. 208/2496 ลงวันที่ 3 กันยายน 2496 ได้วางแนวทางการลงโทษไว้ว่า ข้าราชการผู้ใดเสพสุราในกรณีดังกล่าวต่อไปนี ้อาจเข้าลักษณะเป็ นความผิดฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงได้ คือ
– เสพสุราในขณะปฏิบัติหน้าที่ราชการ
– เมาสุราเสียราชการ
– เมาสุราในที่ชุมชนจนเกิดเรื่องเสียหายหรือเสียเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการเกี่ยวกับมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวนี้ ได้มีแนวทางการพิจารณาของ ก.พ. ตามหนังสือส ำนักงาน ก.พ. ที่ นร 0709.2/ล 31 ลงวันที่ 29 มกราคม 2536 ให้วางแนวทางว่า กรณีดังกล่าวควรพิจารณารายละเอียดข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ความร้ายแรงแห่งกรณีเป็นเรื่อง ๆ ไป
ติดตามข่าวอื่น ๆ ได้ที่เพจ : https://www.facebook.com/rukkroo
เรื่องทุจริตการสอบ มติคณะรัฐมนตรีตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ สร. 0401/ว 50 ลงวันที่ 12 เมษายน 2511
ได้วางแนวทางการลงโทษไว้ว่า ข้าราชการที่ทำการทุจริตหรือพยายามทุจริตในการสอบแข่งขัน หรือสอบคัดเลือกเพื่อเลื่อนตำแหน่งเป็นความผิดวินัยฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
เรื่องการเล่นการพนัน ก.ค.ศ. มีมติให้กวดขันในการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นว. 208/2496 ลงวันที่ 3 กันยายน 2496 แจ้งตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.4/ว 7 ลงวันที่ 24 ตุลาคม 2550
ได้ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการลงโทษข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเล่นการพนันถือเป็นความผิดวินัย ฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ไว้ว่า
1. การพนันที่กฎหมายห้ามขาด ถ้าข้าราชการครูผู้ใดเล่นการพนันควรลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการ
2. การพนันประเภทที่กฎหมายบัญญัติว่าจะเล่นได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากทางการ
– กรณีเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต ถ้าผู้เล่นเป็ นเจ้าพนักงานซึ่งมีหน้าที่ปราบปรามโดยตรงหรือเป็ นครู หรือเป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการวัฒนธรรม หรือเจ้าพนักงานอื่นใด ซึ่งมีข้อห้ามของกระทรวง ทบวง กรม วางไว้เป็ นพิเศษ อาจพิจารณาลงโทษตาม
เกณฑ์ในข้อ 1
– กรณีเล่นการพนันโดยได้รับอนุญาตแล้ว ถ้าผู้เล่นเป็ นเจ้าพนักงานซึ่งมีหน้าที่ปราบปราม โดยตรงหรือเป็ นครู หรือเป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการวัฒนธรรม หรือเจ้าพนักงานอื่นใด ซึ่งมีข้อห้ามของกระทรวง ทบวง กรม วางไว้เป็นพิเศษ อาจพิจารณาลงโทษตามเกณฑ์ในข้อ 1 ก็ได้
เรื่องการเบิกเงินค่าพาหนะเดินทางหรือเบี้ยเลี้ยงหรือเงินอื่น ในทำนองเดียวกันเป็นเท็จ ก.พ. ได้มีมติตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ สร 0905/ว 6 ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2511 และหนังสือส านักงาน ก.พ. ที่ นร 0709.2/ว 8 ลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2536 ได้วางแนวทางการลงโทษไว้ว่า การกระท าในลักษณะดังกล่าวเป็นความผิดฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โดยให้พิจารณารายละเอียดพฤติการณ์แห่งการกระทำผิดประกอบด้วย
เรื่องการเรียกเงินจากผู้สมัครสอบ ก.พ. ได้มีมติตามหนังสือส านักงาน ก.พ. ที่ สร 1006/ว 15 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2516 ได้วางแนวทางการลงโทษกรณีข้าราชการเรียกและรับเงินจากผู้สมัครสอบแข่งขันหรือสอบคัดเลือก โดยอ้างว่าจะช่วยเหลือให้สอบได้พฤติการณ์เป็ นความผิดวินัยฐานประพฤติชั่วอย่างร้ ายแรงควรลงโทษสถานหนักระดับเดียวกับความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการจะปรานีลดหย่อนโทษได้ ก็เพียงปลดออกจากราชการเท่านั้น
เรื่องการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ มติคณะรัฐมนตรีตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว 234 ลงวันที่ 24 ธันวาคม 2536 ได้วางแนวทางการลงโทษผู้กระทำผิดวินัยฐานทุจริต ต่อหน้าที่ราชการว่าเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงควรไล่ออกจากราชการ การนำเงินที่ทุจริตไปแล้วมาคืน หรือมีเหตุอันควรปรานีอื่นใด ไม่เป็ นเหตุลดหย่อนโทษลงเป็ นปลดออกจากราชการ
เรื่องการละทิ้งหน้าที่ราชการ มติคณะรัฐมนตรีตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว 234 ลงวันที่ 24 ธันวาคม 2536 ได้วางแนวทางการลงโทษข้าราชการที่ละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่า 15 วัน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร และไม่กลับมาปฏิบัติราชการอีกเลยว่าเป็ นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ควรลงโทษไล่ออกจากราชการ การมีเหตุอันควรปรานีอื่นใดไม่เป็นเหตุลดหย่อนโทษลงเป็นปลดออกจากราชการ
เรื่องการปลอมแปลงลายมือชื่อผู้อื่น มติคณะรัฐมนตรีตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0505/ว 197
ลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2548 เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง การพิจารณาการกระท าผิดวินัยของข้าราชการ ได้วางแนวทางการลงโทษข้าราชการที่ปลอมแปลงลายมือชื่อผู้อื่นเพื่อไปหาประโยชน์ โดยให้ถือว่าเป็ นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และลงโทษอย่างน้อยปลดออกจากราชการ
สำนักงาน ก.ค.ศ. หวังว่า เรื่องที่นำเสนอในวันนี้ จะเป็นประโยชน์กับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกท่านเพื่อเป็นแนวในการประพฤติปฏิบัติตน ไม่ให้เกิดการประพฤติผิดเกี่ยวกับวินัยและก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติยศและศักดิ์ศรีของตำแหน่งหน้าที่ราชการต่อไป
ดร.อุษณีย์ ธโนศวรรย์ เลขาธิการ ก.ค.ศ.
ที่มา : ก.ค.ศ.