ข่าวการศึกษา

รมช.ศธ.”คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช” เตรียมหารือกับญี่ปุ่น ผุดหลักสูตร Coding/Programming เริ่มต้นตั้งแต่เด็ก

วันนี้เพจ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช  ได้โพสต์เกี่ยวกับภารกิจด้านการศึกษาในฐานะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในการเตรียมหารือกับญี่ปุ่นในการเริ่มหลักสูตรด้านการเขียนโปรแกรม หรือการ Coding  โดยเพจได้โพสต์ไว้อย่างน่าสนใจไว้ดังนี้

ดร.คุณหญิงกัลยา ลุยงานเชิงรุกเร่งเจรจารมว.ศึกษาฯผุดหลักสูตร Coding ภาษาคอมพิวเตอร์

ติดตามข่าวอื่น ๆ ได้ที่เพจ : https://www.facebook.com/rukkroo

ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า มีความยินดีมากที่จะได้ร่วมภารกิจด้านการศึกษากับนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่มีวิสัยทัศน์และความตั้งมั่นตั้งใจสูง

“เชื่อว่าจะบูรณาการงานร่วมกันได้ดี ทั้งนี้ต้องเตรียมพร้อมที่จะทำงานเชิงรุกและได้นัดหมายเข้าเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเบื้องต้น” คุณหญิงกัลยา กล่าว

อย่างไรก็ตาม คุณหญิงกัลยา ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เคยนำเสนอนโยบายภาษาคอมพิวเตอร์ หรือ Coding เป็นภาษาที่ 3 ของหลักสูตรการศึกษาประเทศไทยตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นหาเสียงกับประชาชนในนามพรรคประชาธิปัตย์มาก่อนหน้านี้ จึงต้องการผักดันเข้าสู่หลักสูตรการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรมให้เร็วที่สุดเนื่องจากโลกยุคดิจิตอลและเทคโนโลยีการเติบโตรวดเร็วเข้ามามีบทบาทมากในชีวิตประจำวันของทุกคนทำให้วันนี้การเรียนภาษาไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่ภาษาพูดของมนุษย์เท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงภาษาคอมพิวเตอร์หรือการเรียนโค้ดดิ้ง (Coding) ที่จำเป็นสำหรับเด็กยุคใหม่ก้าวให้ทันโลกรวมทั้งผู้ประกอบการยุคใหม่ล้วนหันมาเป็นผู้เล่นในตลาดนี้ดังนั้น Coding คือความจำเป็นทางด้านการศึกษาไทย

คุณหญิงกัลยา เปิดเผยว่า วันอาทิตย์ที่ 14 กค.นี้ คณะฯจะได้พบปะแลกเปลี่ยนกับคนญี่ปุ่นที่เป็นผู้สร้างหลักสูตร Coding ของประเทศญี่ปุ่นซึ่งเดินทางมาประเทศไทย โดยทางการญี่ปุ่นกำหนดเป็นนโยบายให้เด็กญี่ปุ่นเรียน Coding ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาทั้วประเทศครอบคลุมในปี2020 ก็จะได้ศึกษาแลกเปลี่ยนกันเป็นเบื้องต้นรวมทั้งประเทศอื่นๆที่ได้นำร่องไปก่อนหน้านี้ด้วย

ปัจจุบันเทคโนโลยีมีบทบาทอย่างมากในการดำรงชีวิตอยู่ของมนุษย์ การที่ได้เริ่มต้นระบบหรือกระบวนการคิดที่เป็นระบบ เป็นเหตุเป็นผล ด้วยทักษะการ coding นี้จะทำให้เด็กๆ สามารถมีทักษะที่จะดำรงอยู่ในศตวรรษที่ 21 นี้อย่างแน่นอน

ที่มา :

เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ

Back to top button