ผลการประเมิน PISA 2015
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จัดงานแถลงข่าวผลการประเมิน “โครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ” (Programme for International Student Assessment : PISA) ประจำปี 2015 โดยมี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการแถลงข่าว เมื่อวันพุธที่ 7 ธันวาคม 2559 ที่ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) โดยมี ม.ล.ปริยดา ดิศกุล ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายธัชชัย สุมิตร ประธานกรรมการ สสวท., นางพรพรรณ ไวทยางกูร ผู้อำนวยการ สสวท., นางสุนีย์ คล้ายนิล ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สสวท. รวมทั้งผู้บริหารองค์กรหลัก และสื่อมวลชน เข้าร่วมการแถลงข่าวกว่า 100 คน
ติดตามข่าวอื่น ๆ ได้ที่เพจ : https://www.facebook.com/rukkroo
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ เปิดเผยว่า จากการที่ สสวท.ได้เข้าร่วมกับ OECD (Organisation for Economic Co-operation and Development) ตามโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ หรือ PISA เพื่อเป็นการประเมินคุณภาพระบบการศึกษาของประเทศที่เข้าร่วมโครงการ ที่จะเป็นการเตรียมความพร้อมให้เยาวชนมีศักยภาพสำหรับการแข่งขันในอนาคต ซึ่งได้จัดการประเมินเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.2000 และได้ประเมินอย่างต่อเนื่องทุก ๆ 3 ปี โดยในปี ค.ศ.2015 มีประเทศที่เข้าร่วมโครงการ 72 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจ (ประเทศกลุ่ม OECD 35 ประเทศ, ประเทศเข้าร่วม 37 ประเทศ) และเป็นการจัดสอบด้วยคอมพิวเตอร์เต็มรูปแบบ (Computer-Based Assessment : CBA) เป็นครั้งแรก โดยมีผลการประเมิน PISA 2015 ดังนี้
ด้านวิทยาศาสตร์ ได้แก่ สิงคโปร์ 556 คะแนน, ญี่ปุ่น 538 คะแนน, เอสโตเนีย 534 คะแนน, จีนไทเป 532 คะแนน, ฟินแลนด์ 531 คะแนน ตามลำดับ ด้านการอ่าน ได้แก่ สิงคโปร์ 535 คะแนน, แคนาดา 527 คะแนน, ฮ่องกง-จีน 527 คะแนน, ฟินแลนด์ 526 คะแนน, ไอร์แลนด์ 521 คะแนน ตามลำดับ ด้านคณิตศาสตร์ ได้แก่ สิงคโปร์ 564 คะแนน, ฮ่องกง-จีน 548 คะแนน, มาเก๊า-จีน 544 คะแนน, จีนไทเป 542 คะแนน, ญี่ปุ่น 532 คะแนน ตามลำดับ
● ผลประเมินประเทศไทย
ทั้งนี้ เมื่อได้วิเคราะห์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของคะแนนในภาพรวม ตั้งแต่การประเมินรอบแรกจนถึงรอบปัจจุบัน พบว่าผลการประเมินด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ของไทยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่ต่างจากการประเมินรอบที่ผ่าน ๆ มามากนัก คงจะมีเพียงคะแนนด้านการอ่านเท่านั้นที่น่าเป็นห่วง ซึ่งคาดว่าส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนรูปแบบการทดสอบจากใช้กระดาษกับปากกา เป็นระบบทดสอบการอ่านผ่านทางคอมพิวเตอร์แบบเต็มรูปแบบ ทำให้เด็กบางส่วนไม่มีความคุ้นเคยกับรูปแบบการสอบเช่นนี้ แต่ไม่ใช่อ่านไม่เข้าใจ
ที่มา : ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ