ข่าวการศึกษา

ผู้ปกครองแย้ง ห้ามแต่งชุดนักเรียนไปห้าง ไม่สมเหตุสมผล

ผู้ปกครอง 73.62% ระบุการเข้มงวดกวดขันป้องกันพฤติกรรมไม่เหมาะสมของกลุ่มวัยรุ่นเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมในระยะยาว ขณะที่ร้อยละ 71.79 ระบุการขอความร่วมมือไม่ให้แต่งชุดนักเรียนไปห้างสรรพสินค้าเป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผล ร้อยละ 74.24 ระบุเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธฺ 2560 สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์  วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (ระดับอุดมศึกษา) แถลงผลการสำรวจความคิดเห็นของพ่อแม่ผู้ปกครองในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลต่อการกำหนดมาตรการสอดส่องดูแลควบคุมป้องกันพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนักเรียนนักศึกษา ซึ่งได้ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 18 ถึง 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 จากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 1,145 คน  ว่า

ติดตามข่าวอื่น ๆ ได้ที่เพจ : https://www.facebook.com/rukkroo

ในด้านความคิดเห็นต่อการจัดเจ้าหน้าที่มาสอดส่องดูแลควบคุมป้องกันพฤติกรรมไม่เหมาะสมของนักเรียนนักศึกษานั้น กลุ่มตัวอย่างเกือบสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 65.59 เห็นด้วยที่มีหน่วยงานเฉพาะจัดเจ้าหน้าที่ช่วยสอดส่องดูแลควบคุมป้องกันพฤติกรรมไม่เหมาะสมของนักเรียนนักศึกษาภายนอกสถานศึกษา/สถานที่พักอาศัย เช่น ยกพวกทะเลาะวิวาท/ทำร้ายร่างกาย มั่วสุม ดื่มสุรา สูบบุหรี่ เล่นการพนัน ลักลอบมีเพศสัมพันธ์กัน เป็นต้น ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 62.18 มีความคิดเห็นว่าหน่วยงานเฉพาะควรจัดเจ้าหน้าที่ช่วยสอดส่องดูแลควบคุมป้องกันพฤติกรรมไม่เหมาะสมของนักเรียนนักศึกษาภายนอกสถานศึกษา/สถานที่พักอาศัยตลอด 24 ชั่วโมงเลย ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 37.82 มีความคิดเห็นว่าควรสอดส่องดูแลเฉพาะในช่วงเวลาเรียนระหว่างเวลา 08:00 น. ถึง 16:00 น.
นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 59.91 มีความคิดเห็นว่าการมีหน่วยงานเฉพาะจัดเจ้าหน้าที่ช่วยสอดส่องดูแลควบคุมป้องกันพฤติกรรมไม่เหมาะสมของนักเรียนนักศึกษาภายนอกสถานศึกษา/สถานที่พักอาศัยจะมีส่วนช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับนักเรียนนักศึกษาได้ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 58.69 มีความคิดเห็นว่าการมีหน่วยงานเฉพาะจัดเจ้าหน้าที่ช่วยสอดส่องดูแลควบคุมป้องกันพฤติกรรมไม่เหมาะสมของนักเรียนนักศึกษาภายนอกสถานศึกษา/สถานที่พักอาศัยมีส่วนช่วยลดโอกาสการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่างๆของนักเรียนนักศึกษาได้ อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างเกือบสามในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 73.62 มีความคิดเห็นว่าการเข้มงวดกวดขันในการสอดส่องดูแลควบคุมป้องกันพฤติกรรมไม่เหมาะสมของกลุ่มวัยรุ่นในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น เทศกาลปีใหม่ วันวาเลนไทน์ เทศกาลสงกรานต์ วันลอยกระทง เป็นต้น ให้มากกว่าปกติจะไม่มีส่วนช่วยแก้ปัญหาการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมของนักเรียนนักศึกษาในระยะยาวได้จริง ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างมากกว่าสามในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 76.16 มีความคิดเห็นว่าเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเข้มงวดกวดขันในการสอดส่องดูแลควบคุมป้องกันพฤติกรรมไม่เหมาะสมของนักเรียนนักศึกษาทั้งช่วงเทศกาลสำคัญและช่วงเวลาปกติทั่วไปอย่างเท่าเทียมกัน
ในด้านความคิดเห็นต่อการแต่งชุดนักเรียนนักศึกษาไปยังสถานที่สาธารณะหลังเวลาเลิกเรียนและแนวทางการปฏิบัติในการสอดส่องดูแลควบคุมป้องกันพฤติกรรมไม่เหมาะสมของนักเรียนนักศึกษานั้น กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 71.79 มีความคิดเห็นว่าการขอความร่วมมือให้นักเรียนนักศึกษาแต่งชุดลำลองไปใช้บริการห้างสรรพสินค้าหลังเลิกเรียนแทนการแต่งชุดนักเรียนนักศึกษาเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล ขณะที่กลุ่มตัวอย่างเกือบสามในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 74.24 มีความคิดเห็นว่าการขอความร่วมมือให้นักเรียนนักศึกษาแต่งชุดลำลองไปใช้บริการห้างสรรพสินค้าหลังเลิกเรียนแทนการแต่งชุดนักเรียนนักศึกษาถือเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างประมาณสามในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 75.02 มีความคิดเห็นว่าการถ่ายรูป/จดชื่อนักเรียนนักศึกษาเพื่อส่งสถานศึกษาในกรณีที่นักเรียนนักศึกษาไปนั่งรับประทานอาหารที่ห้างสรรพสินค้าหลังเวลาเลิกเรียนเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ในทางกลับกันกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 59.13 มีความคิดเห็นว่าการแต่งชุดนักเรียนนักศึกษาไปสถานที่สาธารณะ เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์จะมีส่วนช่วยให้นักเรียนนักศึกษาเพิ่มความระมัดระวังตัวที่จะไม่ทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมได้ และกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 63.06 มีความคิดเห็นว่าหากมีการกำหนดแนวทางขั้นตอนปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในการสอดส่องดูแลควบคุมป้องกันพฤติกรรมไม่เหมาะสมของนักเรียนนักศึกษาให้ชัดเจนขึ้นจะมีส่วนช่วยลดปัญหาการกระทำการเกินกว่าเหตุ/ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่บางส่วนได้

ที่มา : สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์

เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ

Back to top button