ข่าวการศึกษา

สมศ.รอบใหม่ หัวใจ Coaching

เมื่อคราวประชุมสภาการศึกษา ครั้งที่ 1/2560 โดย นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ได้เปิดเผย ว่าที่ประชุมได้พิจารณาแก้ไขกฎกระทรวงว่าด้วย ระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา ฉบับเดิมซึ่งประกาศใช้เมื่อปี 2553 ให้กลไกวิธีการประเมินมีความกระชับ ชัดเจน ไม่เป็นภาระต่อครูและโรงเรียนในด้านเอกสาร พร้อมจะจัดทำมาตรฐานการศึกษาใหม่ โดยรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) ทุกภาคส่วน คาดว่าจะประกาศใช้หลักเกณฑ์ใหม่ในการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสี่ ในปีการศึกษา 2560

นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแก้ไขกฎกระทรวงดังกล่าวว่า จะทำให้ระบบการประเมินคุณภาพภายในและการประเมินคุณภาพภายนอก มีความกระชับและชัดเจนมากขึ้นในหลายประการ เช่น

ติดตามข่าวอื่น ๆ ได้ที่เพจ : https://www.facebook.com/rukkroo

1. การประกันคุณภาพการศึกษา หมายถึง “การประเมินผลการติดตาม ตรวจสอบกระบวนการที่สถานศึกษาจัดให้มีระบบการบริหารคุณภาพการศึกษา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและประชาชนว่า การจัดการศึกษาของสถานศึกษา จะบรรลุคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา และเป้าประสงค์ของหน่วยงานต้นสังกัดหรือหน่วยงานที่กำกับดูแลสถานศึกษา” ซึ่งทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า ขอให้ยึดเป้าหมายการพัฒนาผู้เรียนตามแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2560-2579 เป็นหลัก ด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการที่ไม่ซับซ้อน ช่วยลดภาระของสถานศึกษา ตลอดจนมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อมุ่งสู่หัวใจสำคัญของการประกันคุณภาพ คือ การประกันการจัดการศึกษาเพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนดไว้

2. การประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน หมายถึง “การประเมินการประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาโดยสถานศึกษานั้นเอง” ซึ่งจะทำให้ไม่มีบอร์ดประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาอีกต่อไป โดยมีต้นสังกัดคือกระทรวงศึกษาธิการ ทำหน้าที่ช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา แนะนำ และส่งเสริมการประเมินคุณภาพการศึกษาภายในให้สำเร็จตามเป้าหมายของสถานศึกษา

3. การประเมินคุณภาพการศึกษาภายนอก หมายถึง “การประเมินการประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา โดยหน่วยงานภายนอกที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย” นั่นก็คือสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาฯ (สมศ.) ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่ในการประเมินผล และติดตาม ตรวจสอบ คุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายนอก ซึ่งจะทำให้ผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาภายนอกได้ทำหน้าที่เป็น Coaching ช่วยเหลือดูแล แนะนำ และให้คำปรึกษา เพื่อให้การประเมินนำไปสู่การพัฒนา มากกว่าการประเมินเพื่อตัดสินว่าผ่านหรือไม่ผ่านเท่านั้น

4. มาตรฐานการศึกษา หมายถึง “ข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะ คุณภาพ ที่พึงประสงค์และมาตรฐานที่ต้องให้เกิดขึ้นในสถานศึกษาทุกแห่ง และเพื่อใช้เป็นหลักในการเทียบเคียงสำหรับการส่งเสริม การกำกับดูแล การตรวจสอบ การประเมินผล และการประกันคุณภาพการศึกษา” ซึ่งแต่เดิมจะใช้มาตรฐานของ สมศ. ในการประเมิน ทั้งมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน มาตรฐานอาชีวศึกษา และมาตรฐานอุดมศึกษา แต่กฎกระทรวงฉบับนี้จะปรับให้มี “กรอบมาตรฐานของกระทรวงศึกษาธิการ” เป็นกรอบมาตรฐานที่ให้สถานศึกษานำไปใช้เป็นแนวทาง ส่วน สมศ. ก็ทำหน้าที่ตรวจว่าสถานศึกษาได้ทำตามมาตรฐานของกระทรวงศึกษาธิการหรือไม่อย่างไร มีส่วนใดต้องเพิ่มเติมหรือเร่งพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้น  โดยที่ประชุมสภาการศึกษา ได้ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับมาตรฐานการศึกษาอย่างหลากหลาย สิ่งสำคัญคือต้องการให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยเฉพาะนักเรียนและผู้ปกครอง เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำมาตรฐาน ตั้งแต่การกำหนดมาตรฐาน การตรวจสอบ และการประเมินผล เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง, พร้อมขอให้มุ่งเน้นผลผลิตนักเรียน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ทอดทิ้งโรงเรียน ครู การเรียนการสอน และชุมชน, ให้คำนึงถึงนโยบายการพัฒนาของประเทศ โดยเฉพาะ Thailand 4.0 การศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย มาตรฐานโรงเรียนนานาชาติ องค์กรวิชาชีพ การพัฒนาอย่างยั่งยืน ตลอดจนคุณธรรมจริยธรรม และความเป็นชาติไทย รวมทั้งให้คำนึงถึงความเหลื่อมล้ำของโรงเรียนแต่ละประเภทแต่ละสังกัดด้วย

5. วิธีการประเมิน  เดิมประเมินโดยเช็ครายการตัวชี้วัดกว่า 200-300 ตัว พร้อมเอกสารประกอบรายตัวชี้วัด ซึ่งเป็นภาระด้านเอกสารและงานของครูเป็นอย่างมาก ดั้งนั้นในการประเมินตามกฎกระทรวงนี้ จึงปรับเป็นวิธีการประเมินเชิงคุณภาพ ที่เน้นการรายงานข้อมูลตามสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นให้หน่วยงานต้นสังกัดหรือหน่วยงานที่กำกับดูแลทราบเป็นประจำทุกปี

คุณครูได้อ่านก็อาจะดีใจหรือคิดว่าภาระงานคงจะเบาบางขึ้น ไม่ต้องคอยเป็นกังวลไม่ได้หลับได้นอนกับการมาเยือนของ สมศ. ไหนจะการต้อนรับขับสู้อีกหลายอย่าง แต่เราก็คงต้องคอยดูกันต่อไปว่า หลักการณ์ดีแต่เมื่อถึงเวลาปฏิบิจะเป็นอย่างไรต่อไป ไม่เกินปี 2560 นี้ก็คงมีเสียงชื่นชม  หรือไม่ก็เสียงก่นด่า กันบ้าง

ที่มา : ผลการประชุมสภาการศึกษา ครั้งที่ 1/2560

เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ

Back to top button