ข่าวการศึกษา

แนวทางการส่งเสริมให้เด็กมีเส้นทางสายอาชีพตั้งแต่ต้น ของ สพฐ.

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2560 ณ ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดย นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุม รวมทั้ง พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ และ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เข้าร่วมประชุม

นายกรัฐมนตรีได้มีดำริเพิ่มเติมด้วยว่า สิงคโปร์มีเส้นทางการเรียน (Education Path) สำหรับนักเรียนได้เลือกเรียนตามความถนัดตั้งแต่ต้นอย่างชัดเจนทั้งสายสามัญและสายอาชีพ ที่ประชุมจึงมอบให้ สพฐ. พิจารณากระบวนการให้เด็กทุกคนรู้เกี่ยวกับ Education Path ใน 4 ขั้นตอนที่สำคัญ คือ

ติดตามข่าวอื่น ๆ ได้ที่เพจ : https://www.facebook.com/rukkroo

  • ให้มีการจัดระบบการแนะแนวที่เหมาะสม

  • ให้ สพฐ.จัดทำหลักสูตรเสริมให้เด็กมีประสบการณ์ทำงาน (Work Experience) โดยเริ่มจากนักเรียนชั้น ม.3 ทุกคน ต้องไปเรียนรู้หรือฝึกงานหรือค้นหาอาชีพในสถานที่เด็กสนใจ เพื่อให้เด็กทดลองด้วยตัวเองก่อนว่าชอบหรือไม่ชอบในเส้นทางอาชีพนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกศึกษาต่อในสาขาวิชานั้น ๆ ต่อไปในอนาคต โดยคาดว่าจะเริ่มต้นได้ภายในภาคปลาย ปีการศึกษา 2560

  • ให้มีระบบเสริมอาชีพในโรงเรียน เช่น
    โครงการห้องเรียนกีฬา ซึ่ง พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ รับผิดชอบดำเนินการในขณะนี้ โดย รมว.ศึกษาธิการ ได้ขอให้ดำเนินการอย่างเต็มที่จากปัจจุบันซึ่งมี 4 แห่ง คือ ภาคเหนือ ที่โรงเรียนสุโขทัยวิทยาคม จ.สุโขทัย, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่โรงเรียนสารคามพิทยาคม จ.มหาสารคาม, ภาคใต้ ที่โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย กระบี่ จ.กระบี่, ภาคกลาง ที่โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ สมุทรสาคร ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี จ.สมุทรสาคร
    ซึ่งอาจขยายเพิ่มห้องเรียนกีฬามากกว่า 1 ห้องเรียนก็ได้ โดยคำนึงถึงคุณภาพเป็นสำคัญ
    โครงการห้องเรียนดนตรี ซึ่ง พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ รับผิดชอบโครงการห้องเรียนดนตรีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้ทำการเปิดรับสมัครนักเรียนเข้าเรียนในระดับชั้น ม.1 และ ม.4ตั้งแต่ปีการศึกษา 2560 จำนวน 3 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.ปัตตานี, โรงเรียนสุไหงโกลก จ.นราธิวาส และโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จ.ยะลา

  • ให้โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นโรงเรียนที่สอนอาชีพให้มากขึ้น

ที่มา : ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ

เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ

Back to top button