ข่าวการศึกษา

ผลประชุมองค์กรหลัก 14/2560

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมองค์กรหลัก ครั้งที่ 14/2560 และการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 1/2560 เมื่อวันอังคารที่ 4 เมษายน 2560 ณ ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยมี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งผู้บริหารฝ่ายการเมือง และผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ เข้าร่วมประชุม

ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการสภาการศึกษา ในฐานะโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยผลการประชุม ดังนี้

ติดตามข่าวอื่น ๆ ได้ที่เพจ : https://www.facebook.com/rukkroo

น้อมนำพระบรมราโชวาทฯ ที่ได้ทรงพระราชทานในวันข้าราชการพลเรือน

ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการให้ข้าราชการทุกกระทรวงน้อมนำพระบรมราโชวาทของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ที่ได้ทรงพระราชทานในวันข้าราชการพลเรือน เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2560 ความว่า

“งานราชการนั้น คืองานของแผ่นดิน มีผลเกี่ยวเนื่องโดยตรงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนทุกคน ดังนั้น ข้าราชการผู้ปฏิบัติบริหารงานของแผ่นดิน จึงต้องทำความเข้าใจถึงความสำคัญในหน้าที่และความรับผิดชอบของตนให้ถ่องแท้ แล้วร่วมกันคิดร่วมกันทำ ด้วยความอุตสาหะ เสียสละ และด้วยความสุจริตจริงใจ โดยถือประโยชน์ที่จะเกิดจากงานเป็นหลักใหญ่ งานของแผ่นดินทุกส่วน จักได้ดำเนินก้าวหน้าไปพร้อมกัน และสำเร็จประโยชน์ที่พึงประสงค์ คือยังความเจริญมั่นคงให้เกิดแก่ประเทศชาติและประชาชนได้แท้จริงและยั่งยืนตลอดไป”

รวมทั้งขอให้น้อมนำลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ความว่า “ทำตามหน้าที่ไป และคิดเอาเองว่าหน้าที่คืออะไร” ไปสู่การปฏิบัติด้วย ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้รับข้อสั่งการมาเพื่อดำเนินการให้เป็นแนวปฏิบัติในการทำงานต่อไป

แนวทางดำเนินงานของ ศธ.ภายหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ

ดร.กมล รอดคล้าย กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ในวันที่ 6 เมษายน 2560 ซึ่ง รมว.ศึกษาธิการ จะประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการในวันถัดไปทันที (7 เมษายน 2560) เพื่อหารือแนวทางการดำเนินงานใน 2 ประเด็นสำคัญ คือ

     1) การจัดตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ได้ยกร่างเป็นแนวทางไว้แล้ว
     2) การปฏิรูปการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย การปฏิรูปการศึกษา การจัดทำโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ และการพัฒนาครู โดยคาดว่าภายหลังการหารือดังกล่าว จะมีแนวทางการดำเนินงานอย่างชัดเจน และรายงานต่อสาธารณชนรับทราบ

ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ (คปภ.)

ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรก ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการ โดยในส่วนกลางจะมีกรรมการเพิ่ม 2 คน คือ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเนื่องจากต้องการให้เกิดการขับเคลื่อนการผลิตและพัฒนากำลังคนที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต และเพื่อให้การอาชีวศึกษามีบทบาทมากขึ้น อีกทั้งได้มีกำหนดอำนาจหน้าที่ต่าง ๆ ของศึกษาธิการภาคและศึกษาธิการจังหวัด รวมถึงการให้ศึกษาธิการภาคและศึกษาธิการจังหวัดชุดเดิม ดำเนินการต่อไปได้จนกว่าจะแต่งตั้งชุดใหม่ได้ เพื่อไม่ให้การดำเนินงานขาดตอน

สำหรับการมอบอำนาจให้ศึกษาธิการจังหวัดไปดำเนินการ มีกรณีที่พิเศษ คือ การมอบอำนาจของเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เนื่องจากมีสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดจริง ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ปัตตานี,ยะลา, นราธิวาส, สตูล และ 4 อำเภอในสงขลา และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ซึ่งดูแลรับผิดชอบโรงเรียนเอกชนในกรุงเทพมหานคร จึงไม่ต้องมอบอำนาจให้ศึกษาธิการจังหวัด เนื่องจากมีคนทำงานอยู่แล้ว

ในส่วนของการบรรจุแต่งตั้งบุคลากร ซึ่งเป็นเรื่องที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากังวลมาก เพราะในคำสั่งดังกล่าวระบุว่าเมื่อมีการดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) แต่งตั้ง จึงรู้สึกว่าตัวเองเสียสิทธิ์ เพราะแต่เดิมสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเป็นผู้ลงนามแต่งตั้ง ซึ่งที่ประชุม คปภ. มีมติว่าในการเสนอเรื่องแต่งตั้งหรือโยกย้าย ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา/มัธยมศึกษา เสนอเรื่องเช่นเดิม แต่เมื่อได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว กศจ.จะเป็นผู้ลงนาม แล้วส่งให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาดำเนินการเช่นเดิม ดังนั้น จึงไม่ต้องกังวลว่าจะยึดตัวงานที่มีอยู่ไปทั้งหมด

ที่มา : ข่าวสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ

 

เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ

Back to top button